วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Ep.29 เทคนิคการใช้ Mail Merge ดึงข้อมูลจาก Excel ลงใน Word


Ep.29 เทคนิคการใช้ Mail Merge ดึงข้อมูลจาก Excel ลงใน Word


Nobility, Competence, and Disruption: Challenges to Teacher Education

Nobility, Competence, and Disruption: Challenges to Teacher Education
Fenstermacher, Gary D.
Teacher Education Quarterly, v42 n2 p5-15 Spr 2015
This article was comprises the keynote address presented by Gary D. Fenstermacher, at the Conference of the California Council on Teacher Education (CCTE), March 19, 2015, in San Jose, California. The subject covered Nobility, Competence, and Disruption and what they mean in teacher education. Fenstermacher presents his subject in four assertions: (First), "competence" consumes far too much of the rhetoric of education and nobility far too little; (Second), even though "nobility" is nearly absent from the rhetoric of education, it is alive but not altogether well in American schools; (Third), teacher educators exhibit a regard for both competence and nobility but their preparation programs typically stress competence and ignore nobility; (Fourth), and finally, "disruption" in teacher education may be the best hope for the earnest and simultaneous pursuit of competence and nobility. The remainder of the article presents the defense of these assertions.
Caddo Gap Press. 3145 Geary Boulevard PMB 275, San Francisco, CA 94118. Tel: 415-666-3012; Fax: 415-666-3552; e-mail: caddogap@aol.com; Web site: http://www.caddogap.com
Publication Type: Journal Articles; Reports - Descriptive
Education Level: Higher Education; Postsecondary Education,
Audience: N/A
Language: English
Sponsor: N/A
Authoring Institution: N/A

Fenstermacher And Gary D.(2015),Nobility, Competence, and Disruption: Challenges to Teacher Education,
Teacher Education Quarterly, v42,n2:pp 5-15

Download Full Text

The Budget Planning Determinant Factors at State Primary Schools in Yogyakarta Province

The Budget Planning Determinant Factors at State Primary Schools in Yogyakarta Province

Maisaroh, Siti; PH, Slamet; Hadi, Samsul
International Journal of Instruction, v12 n2 p353-368 Apr 2019
The purpose of this study is to describe the factors that influence budget planning at the State Primary School. This study uses quantitative research methods. The population in this study was the State Primary School in Yogyakarta Province in the amount of 1478 schools, with a sample of 284 schools. The sampling technique used is cluster random sampling. The collection technique uses a questionnaire. Data analysis technique uses Structural Equation Model (SEM) analysis with the help of Lisrel 8.80 Software. The results showed that; (1) there is a significant effect on the variable of school objective, school management, School Work Planning (SWP) and Operational Work Planning (OWP) on budget planning variable, with respectively 0.24, 0.16, 0.18 and 0.37: (2) There is no influence of work involvement variable on budget planning variable; (3) there is a significant effect of school objective variable, school management, and work involvement on OWP, respectively 0.28, 0.32 and 0.22; (4) there is a significant effect of school objective variable, school management, and work involvement on OWP of 0.29, 0.24 and 0.24. The measurement model developed through eleven hypotheses is fit with the data obtained in the field, because it meets the criteria of Goodness of Fit.
Descriptors: Foreign CountriesEducational FinanceBudgetingPublic SchoolsElementary SchoolsEducational PlanningInfluences
International Journal of Instruction. Eskisehir Osmangazi University, Faculty of Education, Eskisehir, 26480, Turkey. e-mail: iji@ogu.edu.tr; Web site: http://www.e-iji.net


Reference

Siti M, Slamet PH, Hadi And Samsul (2019) 
The Budget Planning Determinant Factors at State Primary Schools in Yogyakarta Province,
International Journal of Instruction v12,n2 :pp353-368

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

การบริหารงานงบประมาณของโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี THE BUDGETING ADMINISTRATION OF SCHOOL IN PATHUM THANI PROVINCE

 บทคัดย่อ         

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารงานงบประมาณของโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี และเพื่อเปรียบเทียบการบริหารงานงบประมาณ ของโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน และประเภทของโรงเรียน ประชากรคือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานในงานงบประมาณของโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 553 คน กลุ่มตัวอย่างคำนวณจากสูตรของ ทาโร ยามาเน่ (Taro Yamane) ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 95% ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง 232 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลคือแบบสอบถามแบบมาตรส่วนประมาณค่ามีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .98 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐานโดยใช้ทดสอบที (t-test) สำหรับกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน (Independent Samples) ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการวิจัย พบว่า
1. โรงเรียนมีการบริหารงานงบประมาณโดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านการบริหารการเงิน มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือด้านการบริหารพัสดุและสินทรัพย์ ส่วนด้านการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด
2. เปรียบเทียบการบริหารงานงบประมาณ ของโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี จำแนกตามประสบการณ์การทำงานและประเภทของโรงเรียน พบว่า
2.1 จำแนกตามประสบการณ์การทำงาน พบว่า โรงเรียนมีการบริหารงานงบประมาณ แตกต่างกันทั้งในภาพรวมและรายด้าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.2 จำแนกตามประเภทของโรงเรียน พบว่า โรงเรียนมีการบริหารงานงบประมาณไม่แตกต่างกัน ทั้งในภาพรวมและรายด้าน


อ้างอิง

อุบล มีแสง อรสา จรูญธรรม และ สุวรรณา โชติสุกานต์ (2556) การบริหารงานงบประมาณของโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานีวารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปีที่7 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2556หน้าที่ 127 - 140


ความพึงพอใจในการบริการวิชาการแก่สังคม กรณีการบริการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี

 

บทคัดย่อ (Abstract)

การวิจัยความพึงพอใจในการบริการวิชาการแก่สังคม กรณีการบริการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี ประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัยเป็นผู้มาใช้บริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ส่วนมากเป็นนักศึกษาของสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี มีคณาจารย์และบุคลากรมารับบริการเพียงเล็กน้อย และมีบุคคลภายนอกอีกจำนวนหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างใช้วิธีเจาะจง ได้จำนวน 201 คน

ผลการวิจัยมีดังต่อไปนี้
1. ข้อมูลเบื้องต้น
กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย 154 คน คิดเป็นร้อยละ 76.60 เป็นเพศหญิง 47 คน คิดเป็นร้อยละ 23.40 จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 201 คน เป็นนักศึกษาจำนวน 196 คน คิดเป็นร้อยละ 97.50 เป็นคณาจารย์และบุคลากร จำนวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 2.50 ไม่มีบุคคลภายนอกมารับบริการในช่วงเวลาเก็บรวบรวมข้อมูล เคยรับบริการวิทยาศาสตร์การกีฬาจากแหล่งอื่นจำนวน 101 คน คิดเป็นร้อยละ 50.20 ไม่เคยรับบริการวิทยาศาสตร์การกีฬาจากแหล่งอื่นจำนวน 100 คน คิดเป็นร้อยละ 49.80 ผู้รับบริการมารับบริการบ่อย ๆ จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 7.50 มารับบริการปานกลางจำนวน 83 คน คิดเป็นร้อยละ 41.30 มารับบริการนาน ๆ ครั้ง จำนวน 103 คน คิดเป็นร้อยละ 51.20
2. ความพึงพอใจในการบริการวิชาการแก่สังคม กรณีการบริการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี
2.1 ผู้รับบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬามีความพึงพอใจในระดับสูง และระดับปานกลางเป็นส่วนใหญ่ เช่น คุณภาพของเครื่องมือออกกำลังกาย ความปลอดภัยในการใช้ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา ความเรียบร้อยของเครื่องมือออกกำลังกายและความพึงพอใจในภาพรวม ส่วนความพึงพอใจระดับน้อยมีเพียงเล็กน้อย เช่น การบริการด้านเครื่องดื่ม การประชาสัมพันธ์ ข้อมูลข่าวสาร
2.2 ผู้รับบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬามีความพึงพอใจในระดับสูง 15 คน คิดเป็นร้อยละ 7.46 ความพึงพอใจระดับปานกลาง 114 คน คิดเป็นร้อยละ 56.72 ความพึงพอใจระดับต่ำ 72 คน คิดเป็นร้อยละ 35.82 ตามลำดับ
2.3 ผู้รับบริการมีความพึงพอใจในการบริการวิชาการแก่สังคม กรณีการบริการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาจากระดับสูงลงมาตามลำดับดังนี้
ระดับสูง ได้แก่ คุณภาพของเครื่องมือการออกกำลังกาย (x̄ = 2.46) ความปลอดภัยในการใช้บริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา (x̄ =2.42) ความเรียบร้อยของเครื่องมือการออกกำลังกาย (x̄ = 2.41) ความพึงพอใจในภาพรวมของการบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา (x̄ = 2.36) ลงมาตามลำดับ
ระดับกลาง ได้แก่ ห้องน้ำสะอาดและมีจำนวนเพียงพอ (x̄ = 2.32) การดูแลเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา (x̄ = 2.26) ความสะดวกสบายของการมาใช้บริการ (x̄ = 2.24) อุปกรณ์สะอาด สภาพใช้การได้ (x̄ = 2.23) ความเหมาะสมของโปรแกรมการออกกำลังกาย (x̄ = 2.22) การจัดเจ้าหน้าที่ให้การบริการ (x̄ = 2.06) การให้ข้อมูล คำอธิบายในการรับบริการ (x̄ = 2.01) การให้คำแนะนำ คำปรึกษา (x̄ = 1.98) การให้การต้อนรับ (x̄ = 1.96) การบริการด้านเครื่องดื่ม (x̄ = 1.94) การประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสาร (x̄ = 1.92)
ระดับต่ำ ไม่มี
2.4 ผู้รับบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นเพศชาย จำนวน 154 คน มีคะแนนเฉลี่ย 33.14 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.422 เพศหญิง จำนวน 47 คน มีคะแนนเฉลี่ย 30.83 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 1.038 ผลการวิเคราะห์พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.5 ผู้รับบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นนักศึกษา จำนวน 196 คน มีคะแนนเฉลี่ย 32.34 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 5.635 คณาจารย์และบุคลากร จำนวน 5 คน มีคะแนนเฉลี่ย 42.80 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.836 ผลการวิเคราะห์พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2.6 ผู้รับบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาที่เคยใช้บริการจากที่อื่น จำนวน 101 คน มีคะแนนเฉลี่ย 33.26 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 6.314 ไม่เคยใช้บริการจำนวน 100 คน มีคะแนนเฉลี่ย 31.93 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 5.174 ผลการวิเคราะห์พบว่าไม่แตกต่างกัน
2.7 การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง 3 กลุ่ม ผู้มารับบริการบ่อยๆ ปานกลางและนานๆครั้งพบว่ากลุ่มที่มีจำนวนครั้งการเข้ารับบริการต่างกันมีความแตกต่างของค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ อย่างน้อย 1 คู่ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 จากการวิเคราะห์ความแปรปรวนพบว่าผู้ที่มีจำนวนครั้งในการรับบริการแตกต่างกันจะมีความแตกต่างกันของความพึงพอใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเมื่อทำการทดสอบรายคู่วิธี Scheffe พบว่ากลุ่มที่มีจำนวนครั้งการรับบริการปานกลางมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับกลุ่มที่มีจำนวนครั้งการรับบริการนาน ๆ ครั้ง (P = .006) ในขณะที่กลุ่มอื่น ๆ ไม่แตกต่างกัน


อ้างอิง

ว่าที่ร้อยตรีธนพงศ์ แก้วคำ (2555) ความพึงพอใจในการบริการวิชาการแก่สังคม กรณีการบริการด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี กรุงเทพฯ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา

การศึกษาปัญหาการบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3

 Title

การศึกษาปัญหาการบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3

A Study of Problems of School Budgeting Administration at Schoolsin Suratthani Educational Service Area 3

Classification :.DDC: 372.206
Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับปัญหาการบริหารงานงบประมาณในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3 และเปรียบเทียบปัญหาการบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3 ที่มีตำแหน่ง วุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และขนาดต่างกัน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการวิจัยประกอบด้วย ผู้บริหาร จำนวน 123 คน ครูหรือผู้ที่ปฏิบัติงานบริหารงบประมาณ จำนวน 123 คน รวม 246 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป คำนวณหาค่าสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที (t - test) และค่าเอฟ (F - test) ผลการวิจัยพบว่า ระดับปัญหาการบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3 ในภาพรวมอยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการใช้เงิน และผลการดำเนินงาน ด้านการจัดทำและเสนอของบประมาณ ด้านการบริหารพัสดุและสินทรัพย์ และด้านการจัดสรรงบประมาณ อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนด้านการบริหารการบัญชี ด้านการบริหารการเงิน ด้านการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษาอยู่ในระดับน้อย และเมื่อเปรียบเทียบปัญหาการบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3 จำแนกตามตำแหน่ง วุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงานและขนาดของสถานศึกษา พบว่า โดยภาพไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาในแต่ละด้าน พบว่า ด้านการจัดทำและเสนอของบประมาณ ด้านการจัดสรรงบประมาณ ด้านการตรวจสอบ ติดตาม ประเมินผลและรายงานผลการใช้เงินและผลการดำเนินงานและด้านการบริหารการบัญชี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับด้านการระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา ด้านการบริหารการเงิน และด้านการบริหารพัสดุและสินทรัพย์ ไม่แตกต่างกัน

อ้างอิง วนิดา ช่วยบำรุง 2553 การศึกษาปัญหาการบริหารงบประมาณของสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 3
วิทยานิพนธ์  การบริหารการศึกษา ครุศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2564

Blogger นักศึกษาปริญญาโท บริหารการศึกษา ม.ธนบุรี รุ่นที่ 7


Blogger นักศึกษาปริญญาโท บริหารการศึกษา ม.ธนบุรี รุ่นที่ 7

https://suchanyapam.blogspot.com

https://manidatukta2524.blogspot.com

https://sanjitaklayprayong.blogspot.com

https://kruweerayut01.blogspot.com

https://pongthepniyomthai.blogspot.com

https://noorfadilah2534.blogspot.com

https://kanoktip2536.blogspot.com

https://supannee-suna.blogspot.com

https://chaitobuddee.blogspot.com

https://teerapongsuksomsong.blogspot.com

https://witsarut-benz238.blogspot.com

https://phakornkiat.blogspot.com

https://nitid-hengchoochip.blogspot.com

https://chonthichadeebucha.blogspot.com

https://nopparataunprasert.blogspot.com

https://chaichaofa.blogspot.com

https://voraponbabyboss.blogspot.com

https://chenchira2021.blogspot.com

https://nattidadechakkanat.blogspot.com

https://khunmuangchukorn.blogspot.com

https://anupong12tu.blogspot.com

https://sutthananabangchang.blogspot.com

https://sattawatsurisan.blogspot.com

https://thanchanokluarnkrew.blogspot.com

https://supaporn1204.blogspot.com

https://vigaivaraporn.blogspot.com

https://nisachonyimprasert.blogspot.com

ระบบจัดการเก็บค่าบำรุงการศึกษา Krungthai Corporate Online โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย

 การจัดเก็บค่าบำรุงการศึกษา ผ่าน Krungthai Corporate Online โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย






















 


ประวัติ นายวีรยุทธ ปิงเมือง




ประวัติส่วนตัว

๑. ชื่อ นายวีรยุทธ  ปิงเมือง                                                                                   

๒. เกิดเมื่อวันที่ ๑ เดือน มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๒ 

๓. ตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน ตำแหน่ง ครู

สถานที่ทำงานศึกษา โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

กระทรวงศึกษาธิการ

๒.ประวัติการศึกษา


ปัจจุบันกำลังศึกษา ปริญญาโท  ศศ.ม. การบริหารการศึกษา            ม.ธนบุรี

๒๕๕๙ ปริญญาโท   ค.อ.ม. วิศวกรรมไฟฟ้า                    ม.พระจอมเกล้า พระนครเหนือ

๒๕๕๔ ปริญญาตรี   ค.อ.บ. วิศวกรรมไฟฟ้า                    ม.พระจอมเกล้า พระนครเหนือ

๒๕๕๒ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง วิชาไฟฟ้า             ม.ราชมงคลล้านนา เชียงราย

๒๕๕๐ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ช่างอุตสาหกรรม/ไฟฟ้า โรงเรียนบริหารธุรกิจพะเยา

๒๕๔๗ มัธยมศึกษาตอนต้น                                            โรงเรียนพะเยาพิทยาคม

๒๕๔๔ ประถมศึกษา                                                        โรงเรียนบุญสิษฐ์วิทยา

๓.ประวัติการทำงาน (ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานจนถึงปัจจุบัน)


๑ ตุลาคม ๒๕๖๓             ครูคศ.๑                          โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย

๑ ตุลาคม ๒๕๖๑             ครูผู้ช่วย                         โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖    ครูอัตราจ้าง                    วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี

๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๕        วิศวกรไฟฟ้า                   บริษัท พาต้าเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

๔.ความรู้ความสามารถพิเศษ


๑. ด้านคอมพิวเตอร์ ทักษะการใช้โปรแกรมกลุ่ม Microsoft Office และการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี

๒. ด้านงานวิจัย มีทักษะในการจัดทำวิจัย การประเมินโครงการ การใช้คอมพิวเตอร์วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ

๓. ด้านกีฬา เทเบิลเทนนิส,

ผู้ฝึกสอน มวยไทย,มวยสากลสมัครเล่น ฯลฯ


๕.ประวัติการสอน


๑. เริ่มสอนครั้งแรก เมื่อ ๒๒ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

แผนกวิชา ช่างไฟฟ้ากำลัง

ในระดับชั้น ประกาศนียบัตรวิชาชีพ สถานศึกษา วิทยาลัยเทคนิคสระบุรี

ตำบล ปากเพรียว อำเภอ เมืองสระบุรี จังหวัด สระบุรี

รหัสไปรษณีย์ ๑๘๐๐๐ โทรศัพท์ -

สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

๒. ปัจจุบันสอนในระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๑,๓ และ ๖

สถานศึกษา โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย

แขวง พระโขนงใต้      เขต พระโขนง จังหวัด กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ ๑๘๐๐๐

โทรศัพท์ 02-311-5185 โทรสาร 02-311-5317

เว็บไซต์ http://www.prakanong.ac.th

สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ